ฟอกเกียร์ ลดเสี่ยง เกียร์พัง

- ทำไมต้องฟอกเกียร์

- จะสะอาดไปถึงไหน

- แค่เปลี่ยนถ่ายเฉยๆ ไม่ได้เหรอ ประหยัดเงินดี

ก่อนอื่นบอกเลยว่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์เฉยๆ กับการฟอกเกียร์นั้นไม่เหมือนกัน⁉️

เปรียบง่ายๆ ก็เหมือนกับการแค่เอาน้ำฉีดล้างรถ เก็บของภายในรถเฉยๆ แต่การฟอกเกียร์เหมือนล้างรถชุดใหญ่ ดูดฝุ่น ขัดเคลือบรถให้เงาวับ

--พูดง่ายๆ การฟอกเกียร์แล้วก็จะได้ขับรถที่ห้องเกียร์สะอาดเหมือนได้ขับรถใหม่ป้ายแดงนั่นเอง--

ถ้าให้อธิบายแบบวิชาการก็คือน้ำมันเกียร์เปลี่ยนได้ 2 แบบ คือ

1. เปลี่ยนปกติ ใช้การขันน็อตถ่าย

ควรทำทุก 20,000 กม.

วิธีนี้น้ำมันเกียร์จะถูกถ่ายออกมาแค่ 40-50% ของทั้งระบบ ทำให้มีน้ำมันเกียร์เก่าที่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกจากการทำงานของเกียร์ค้างในระบบ คุณสมบัติน้ำมันเกียร์จึงลดลง

2. เปลี่ยนทั้งระบบ (“ฟอกเกียร์” หรือ “ฟลัชชิ่งเกียร์”)

ควรทำทุก 40,000 กม.

วิธีนี้น้ำมันเกียร์เก่าจะถูกถ่ายออกมาหมด และดันน้ำมันใหม่ไปแทน ไม่มีน้ำมันเกียร์เก่าปน ประสิทธิภาพเต็ม 100% แน่นอนว่าราคาสูงกว่าการเปลี่ยนถ่ายเฉยๆ เพราะใช้น้ำมันมากกว่าและต้องใช้เครื่องฟอกเกียร์ควบคู่ ซึ่งเครี่องฟอกเกียร์ส่วนใหญ่รองรับเฉพาะเกียร์ระบบ ATF ส่วน CVT ต้องใช้ CVT Adaptor คู่กัน